5 เทคนิคในการตรวจสอบและดูแลหม้อน้ำรถยนต์

5 เทคนิคในการตรวจสอบและดูแลหม้อน้ำรถยนต์

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

By NICK JOHNSON

1.เทคนิคการดูแลรักษาหม้อน้ำรถยนต์

  • ตรวจสอบระดับน้ำรวมถึงสภาพสีของน้ำหม้อน้ำรถยนต์อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
  • ตรวจสอบสภาพสายพานและท่อยางไม่มีรอยแตกรายงา ไม่ตึงหรือหย่อนเกินไป
  • ตรวจสอบการทำงานของพัดลมหม้อน้ำรถยนต์ หมุนปกติหรือไม่ หมุนอย่างมีแรง มีลมหรือไม่
  • ตรวจสอบใต้ท้องรถและในห้องเครื่องด้วยสายตาเพื่อหาว่ามีรอยน้ำหล่อเย็นรั่วซึมหรือไม่

(การตรวจสอบพัดลมว่าหมุนหรือไม่อย่างง่ายๆ ทำได้โดย บิกุญดแจ on เปิดแอร์ ไม่ต้องสตาร์ทรถ จากนั้นสังเกตพัดลมหม้อน้ำรถยนต์และพัดลมแอร์ต้องหมุนพร้อมกันทั้ง 2 ตัว)

2.เทคนิคตรวจสอบเมื่อเกจความร้อนขึ้นสูง

  1. ตรวจสอบระดับน้ำที่หม้อพักน้ำว่าลดลงจากระดับปกติหรือไม่?
    ถ้าลดลง แสดงอาจเกิดการรั่วซึมในระบบระบายความร้อนที่จุดใดจุดหนึ่ง
  2. เข็มความร้อนขึ้นเมื่อใด?
    1)ถ้าเข็มขึ้นขณะที่รถติดและเข็มลงเมื่อรถวิ่ง กรณีนี้ส่วนใหญ่จะมีสาเหตุจากพัดลมไฟฟ้าไม่ทำงาน โดยอาจเป็นอาการเสียจาก พัดลมไฟฟ้า, รีเลย์พัดลมไฟฟ้า, เทอร์โมสวิตช์ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งหมด
    2)ถ้าเข็มขึ้นขณะที่รถกำลังวิ่งเท่านั้น กรณีนี้ส่วนใหญ่มักมีสาเหตุจากหม้อน้ำอุดตัน
    3)ถ้าเข็มขึ้นตลอด ทั้งตอนรถติดและรถวิ่ง อาจเกิดมาจาหลายสาเหตุ เช่น น้ำในระบบไม่เพียงพอ เพราะมีการรั่วซึม(ลองสังเกตดูว่ามีคราบน้ำรั่วซึมบ้างหรือไม่) , เทอร์โมสตัทหรือวาวล์น้ำเสียทำให้ไม่มีน้ำไปหล่อเย็นเครื่อง (ตรวจสอบเบื้องต้นโดย ลองสัมผัสที่ท่อยางน้ำที่ต่อจากเครื่องมาที่ด้านบน เทียบกับท่อยางที่ต่อด้านล่างหม้อน้ำ ถ้าท่อยางด้านล่างเย็นกว่าท่อยางด้านบนมาก แสดงว่าวาวล์น้ำผิดปกติ) , ปั้มน้ำเสียทำให้น้ำไปวนหล่อเย็นเครื่องไม่เพียงพอ
    4)บางทีเข็มขึ้น บางทีก็ไม่ขึ้น  ประกอบกับตรวจสอบอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องทุกอย่างแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติ กรณีนี้อาจเป็นไปได้ว่าเข็มความร้อนแสดงค่าผิดเพี้ยนไป

3.เทคนิคตรวจสอบหม้อน้ำรถยนต์รั่ว

ถ้ารถของคุณมีอาการผิดปกติดังต่อไปนี้แสดงว่ามีการรั่วตามดที่หม้อน้ำรถคุณเข้าแล้ว
1.น้ำหม้อน้ำรถยนต์หายและเครื่องร้อนเร็วมากๆ ทั้งตอนวิ่งทางไกลและตอนรถติด
2.เติมน้ำหม้อน้ำรถยนต์บ่อยครั้งละ ½ ถึง 1 ลิตร
3.น้ำหม้อน้ำรถยนต์ไม่ได้ดันมาเก็บที่หม้อพักน้ำ
4.จอดแล้วมีน้ำหยดเวลาเครื่องร้อน

4.เทคนิคตรวจสอบฝาสูบโก่ง

โดยทั่วไปฝาสูบเครื่องยนต์จะไม่โก่งกันง่ายๆ ถ้าฝาสูบเริ่มโก่งแสดงว่าต้องเคย overheat มาบ้างแล้ว และฝาสูบจะโก่งก็ต่อเมื่อ รถเกิดความร้อนขึ้นสูงเป็นเวลานานๆ จนเครื่องดับไปเอง หรือ เติมน้ำลงในหม้อน้ำขณะที่เครื่องยังเย็นตัวไม่พอ ส่วนเทคนิคการตรวจสอบว่าฝาสูบโก่งหรือไม่มีขั้นตอนดังต่อไปนี้

  1. เปิดฝาหม้อน้ำออก จากนั้นนำขวดน้ำพลาสติกตัดครึ่งไปประกบที่ฝาหม้อน้ำ
  2. เติมน้ำลงที่ขวดพลาสติก(ตัดครึ่ง) จากนั้นทำการติดเครื่องและเร่งเครื่อง
  3. คอยสังเกตว่ามีฟองอากาศลอยจากหม้อน้ำสู่ขวดพลาสติก(ตัดครึ่ง)หรือไม่ ถ้ามีฟองอากาศขึ้นแสดงว่าฝาสูบเครื่องยนต์เริ่มโก่งแล้ว แต่ถ้าไม่มีฟองอากาศแสดงว่าฝาสูบเครื่องยนต์ยังปกติดี

หมายเหตุ
1.เรื่องความร้อนที่ผิดปกติ โดยส่วนใหญ่อาการพื้นฐานจะคล้ายๆกัน แต่ถ้าไล่ตรวจสอบอาการโดยละเอียดแล้วจะพบว่า อาการนั้นๆเกิดจากอุปกรณ์ตัวใด โดยไม่ต้องสุ่มเปลี่ยนอุปกรณ์ไปเรื่อยๆ
2.ถ้าต้องเปลี่ยนฝาสูบจริงๆ ควรเปลี่ยนเป็นของมือสอง ไม่แนะนำให้ไสหรือปาดฝาสูบเดิม

5.เทคนิคแก้ไขเบื้องต้นเมื่อเครื่องร้อนจัด

1.เมื่อเครื่องยนต์เริ่มที่จะร้อนขึ้นแต่ยังไม่มาก ให้ทำการปิดเครื่องปรับอากาศก่อน แล้วจึงตรวจสอบอุณหภูมิเครื่องยนต์ผ่านหน้าปัด ว่าอุณหภูมิลดลงหรือไม่ เพราะอาจเกิดจากสภาพอากาศที่ร้อนและจราจรติดขัด

2.ถ้าเครื่องร้อนจัดมากขึ้นให้ทำการจอดทันที แต่ยังไม่ต้องดับเครื่อง ให้เปิดฝากระโปรงเพื่อเป็นการระบายความร้อนและทำการตรวจสอบว่าพัดลมหมุนหรือไม่ สายพานขาดหรือไม่ตรวจสอบพบรอยน้ำหล่อเย็นรั่วซึมหรือไม่

3.จากนั้นจึงดับเครื่องและตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นในหม้อน้ำ ถ้าระดับน้ำหล่อเย็นลดลงมากให้รอจนเครื่องเย็นแล้วจึงเติมน้ำจนถึงระดับปกติ แล้วจึงขับรถประคองไปจนถึงอู่รถหรือศูนย์บริการใกล้ๆ หากเครื่องยนต์ยังร้อนจัดก็ให้จอดรถและดับเครื่องเติมน้ำอีกครั้ง

ข้อควรระวัง :

“ห้ามเปิดฝาหม้อน้ำในขณะที่เครื่องยนต์ร้อนจัด เพราะอาจได้รับอันตรายจากน้ำหล่อเย็นที่เดือด และกรณีเครื่องยนต์ร้อนจัดจนมีไอน้ำจากเล็ดรอดจากฝากระโปรง ห้ามเปิดฝากระโปรง ให้รอจนเครื่องเย็นก่อน”

Leave a Reply