วิธีแก้ไขปัญหา กรณีรถหม้อน้ำรถยนต์รั่ว

วิธีแก้ไขปัญหา กรณีรถหม้อน้ำรถยนต์รั่ว

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

By NICK JOHNSON

กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แนะผู้ขับขี่เเรียนรู้วิธีป้องกันและแก้ไขสถานการณ์กรณีหม้อน้ำรถยนต์รั่วในเบื้องต้น โดยตรวจสอบอุปกรณ์ประจำรถให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ทั้งสายพาน พัดลม ท่อยาง ครีบรังผึ้งระบายความร้อน ปั๊มน้ำและหม้อน้ำ หากพบรอยรั่วซึมตามจุดต่าง ๆ ให้จัดการแก้ไขทันที พร้อมตรวจสอบระดับน้ำในหม้อน้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะรถที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปี ในขณะขับขี่ให้หมั่นสังเกตเข็มวัดอุณหภูมิบนหน้าปัดรถ หากเครื่องยนต์ร้อนจัด ให้นำรถจอดริมข้างทาง รอจนเครื่องยนต์เย็นลง จึงค่อยเติมน้ำลงหม้อน้ำรถยนต์ จากนั้นให้นำรถไปเข้าศูนย์บริการหรืออู่รถในบริเวณใกล้เคียง เพื่อดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขต่อไป

นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า อุบัติเหตุฉุกเฉินอีกรูปแบบหนึ่ง ที่มักเกิดกับรถยนต์ คือเครื่องยนต์ร้อนจัดจนทำให้หม้อน้ำรถยนต์แห้ง ส่งผลให้เครื่องยนต์เกิดการขัดข้องและอาจนำมาซึ่งอุบัติเหตุได้ เพื่อความปลอดภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ขอแนะวิธีแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินกรณีหม้อน้ำรถยนต์แห้ง ดังนี้

ก่อนขับขี่  ตรวจสอบอุปกรณ์ประจำรถให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน สายพานไม่หย่อนหรือตึงเกินไป พัดลมระบายความร้อนไม่บิดงอหรือแตกหัก หากพบรอยรั่วตามจุดต่าง ๆ เช่น ท่อยางหม้อน้ำรถยนต์ ครีบรังผึ้งระบายความร้อน ปั้มน้ำ ให้รีบจัดการแก้ไขในทันที พร้อมจัดเตรียมน้ำเปล่าไว้ประจำรถ หากหม้อน้ำแห้งจะได้มีน้ำเติมใส่หม้อน้ำรถยนต์ หมั่นตรวจสอบระดับน้ำในหม้อน้ำรถยนต์ รถใหม่อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง

ส่วนรถที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปีขึ้นไป ควรตรวจสอบ 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยให้เติมน้ำสะอาดและถ่ายน้ำในหม้อน้ำทิ้งทุก 5 – 6 เดือน เพื่อป้องกันสิ่งสกปกรกตกค้างจนหม้อน้ำเกิดการอุดตัน และไม่สามารถระบายความร้อนจากเครื่องยนต์ ไม่เติมน้ำเกินขีดที่กำหนด เพราะเมื่อน้ำเดือด หม้อน้ำจะเกิดการขยายตัว ทำให้หม้อน้ำแตกได้

ขณะขับขี่ หมั่นสังเกตอาการเครื่องยนต์ร้อนจัด จากเข็มวัดอุณหภูมิบนหน้าปัด หากเข็มวัดเลื่อนมาอยู่ใกล้ตัว H  แสดงว่าเครื่องยนต์กำลังร้อนจัด ให้รีบนำรถจอดเข้าข้างทางในบริเวณที่ปลอดภัยทันที

วิธีแก้ไขกรณีหม้อน้ำรถยนต์แห้งในเบื้องต้น ให้รีบเปิดฝากระโปรงรถ เพื่อระบายความร้อน ออกจากห้องเครื่อง จากนั้นให้รอจนเครื่องยนต์เย็นลง จึงค่อยเปิดฝาหม้อน้ำโดยใช้ผ้าหนา ๆ หรือสวมถุงมือ ห้ามยื่นหน้าเข้าใกล้หม้อน้ำ เพราะแรงดันไอน้ำอาจพุ่งใส่หน้าจนได้รับบาดเจ็บได้ ให้เติมน้ำทีละนิดอย่างช้า ๆ โดยทิ้งช่วงประมาณ 5 นาที พร้อมสังเกตระดับน้ำในหม้อน้ำ หากน้ำที่เติมรั่วออกมาหมด แสดงว่า หม้อน้ำแตก ให้แจ้งอู่ซ่อมรถมาดำเนินการ  ลากรถไปแก้ไขต่อไป แต่หากน้ำรั่วซึมเพียงเล็กน้อย และยังสามารถขับรถต่อไปได้ ให้หมั่นสังเกตเข็มวัดอุณหภูมิ บนหน้าปัดรถ และเมื่อความร้อนขึ้นสูงให้หยุดรถเป็นระยะ ๆ รอจนเครื่องยนต์เย็นลง โดยเข็มวัดอุณหภูมิเลื่อนมาอยู่ใกล้ตัว C  จึงค่อยขับรถไปเข้าศูนย์บริการหรืออู่รถบริเวณใกล้เคียง เพื่อจัดการแก้ไขต่อไป

Leave a Reply